แสดงบทความที่มีป้ายกำกับ รถ แสดงบทความทั้งหมด
แสดงบทความที่มีป้ายกำกับ รถ แสดงบทความทั้งหมด

วันพุธที่ 22 ธันวาคม พ.ศ. 2553

ลัมบอร์กินี

นอกจากจะกลายเป็นสปอร์ตสุดฮิตที่มียอดการผลิตสูงสุดเท่าที่ ลัมบอร์กินี เคยผลิตออกมาเลย กัลญาร์โด้ น่า จะเป็นสปอร์ตที่มีการผลิตรุ่นย่อยออกมาสู่ตลาดมากมายหลายรุ่น และน่าจะมากที่สุดเท่าที่ประวัติศาสตร์ของลัมบอร์กินีเลยก็ว่าได้ เพราะขนาดอยู่ในช่วงปลายอายุตลาดแล้ว ก็ยังมีเวอร์ชันพิเศษที่เรียกว่า Spyder Performante ออกมาขาย
      
       ตัวรถถูกเผยโฉมครั้งแรกในงานแอลเอ ออโต้โชว์ เมื่อกลางเดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมา และเป็น การพัฒนาต่อเนื่องมาจากเวอร์ชัน LP570-4 แบบเปิดประทุนของกัลญาร์โด ซึ่งคำว่า Performante หรือ Performance ในภาษาอังกฤษ มีความหมายถึงสมรรถนะ และก็ต่อท้ายด้วยว่า ‘เพิ่มขึ้นจากรุ่นปกติ’ แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น งานนี้ไม่ได้เป็นการเพิ่มปริมาณม้าในคอก แต่อยู่ที่การลดน้ำหนักให้กับตัวรถเพื่อลดในเรื่องแรงม้าต่อน้ำหนัก ทำให้อัตราเร่งในทุกรอบความเร็วเร้าใจขึ้น
      
       และพระเอกของเรื่องที่ทำให้ ตัวรถเบาลงนั่นก็หนีไม่พ้นวัสดุที่เรียกว่า CFRP หรือ Carbon Fiber Reinforced Plastic ซึ่งนำมาใช้ขึ้นรูปชิ้นส่วนตัวถังต่างๆ ของตัวรถ จนทำให้สามารถกดน้ำหนักให้อยู่ในระดับต่ำกว่าตันครึ่งได้ โดยมีตัวเลขลดลงจากกัลญาร์โด Spyder รุ่นธรรมดา 65 กิโลกรัม ลงมาอยู่ที่ 1,485 กิโลกรัม
       ส่วนเครื่องยนต์ที่ วางอยู่กลางลำเป็นขุมพลังวี10 ทวินแคม 40 วาล์ว 5,200 ซีซีเจ้าเก่า พร้อมระบบไดเร็กต์อินเจ๊กชัน หรือ IDS-Iniezione Diretta Stratificata มีกำลังสูงสุด 570 แรงม้า ที่ 8,000 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 55.0 กก.-ม. ที่ 6,500 รอบ/นาที และเมื่อจับคู่กับตัวถังที่เบาลงของ Spyder Performante ผลงานในด้านอัตราเร่งช่วงต้นดีขึ้นอย่างแน่นอน ใช้เวลา 3.9 วินาทีสำหรับการทะยานจาก 0-100 กิโลเมตร/ชั่วโมง และความเร็วสูงสุด 324 กิโลเมตร/ชั่วโมง ส่วนการขับเคลื่อนมาในรูปแบบ 4 ล้อตลอดเวลา และส่งกำลังด้วยเกียร์ธรรมดาแบบคลัตช์ไฟฟ้า หรือ e-Gear
      
       ในแง่ของความแตกต่างเมื่อเปรียบเทียบกับกัลญาร์โด้เวอร์ชัน อื่นๆ แล้ว ทางลัมบอร์กินีเผยว่ามีทั้งในเรื่องของการติดตั้งชุดสปอยเลอร์แบบใหม่รอบคัน รวมถึงสีตัวถังที่ไม่เหมือนกับเวอร์ชันอื่นๆ ขณะที่มิติตัวถังยังคงขนาดใกล้เคียงกันด้วยความยาว 4,390 มิลลิเมตร กว้าง 1,900 มิลลิเมตร และสูง 1,180 มิลลิเมตร พร้อมกับหลังคาอ่อนพับได้ด้วยระบบไฟฟ้า เสริมหล่อด้วยล้อขนาด 19 นิ้วจับคู่กับยางไซส์ 235/35 ที่ด้านหน้า และ 295/30 ที่ด้านหลัง
       ส่วนระบบเบรกก็มีการอัพเกรด เพราะเปลี่ยนมาใช้ดิสก์ขนาด 365 มิลลิเมตร และด้านหลัง 356 มิลลิเมตร พร้อมคาลิเปอร์แบบ 8 และ 4 ลูกสูบที่ผลิตจากอะลูมิเนียมตามลำดับ ส่วนใครที่มีเงินเหลือสามารถสัมผัสได้กับดิสก์แบบคาร์บอนเซรามิกขนาด 380 มิลลิเมตรพร้อมคาลิเปอร์แบบ 6 ลูกสูบที่มีขายเป็นออพชั่น
      
       ปีหน้ามีผลิตขายและส่งถึงมือลูกค้าอย่างแน่นอน ส่วนราคายังไม่มีการเปิดเผยในตอนนี้

รถนิสสันต้นแบบ

แม้จะไม่ได้ เดินตามรอบคู่ปรับร่วมชาติอย่างโตโยต้า และฮอนด้าในการผลิตต้นแบบเพื่อสร้างสีสันในโลกขุมพลัง EV แต่นิสสันก็เขย่าตลาดรถยนต์ไฮบริดครั้งใหม่ด้วยการนำเสนอขุมพลังประเภทนี้ ผ่านทางสปอร์ตซีดานต้นแบบรุ่นใหม่ที่สวยสะดุดตา และได้รับการออกแบบอย่างล้ำสมัย
       ผลผลิตนี้มีชื่อว่า Ellure ซึ่งทางชิโร่ นาคามูระ รอง ประธานฝ่ายออกแบบของนิสสัน มอเตอร์ กล่าวว่า ต้นแบบรุ่นนี้ไม่ได้เป็นการแสดงให้เห็นถึงทิศทางในการออกแบบของรถยนต์รุ่นใด รุ่นหนึ่งของนิสสันที่จะเปิดตัวในอนาคต แต่ทว่าเป็นการแสดงให้เห็นถึงความสามารถของนิสสันด้านงานออกแบบเพื่อสื่อให้ เห็นถึงความเป็นผู้เล่นที่แข็งแกร่งอีกคนในตลาดรถยนต์ซีดานยุคนี้และยุคหน้า
      
       บนตัวถังแบบซีดาน 4 ประตูขนาดกลาง รูปลักษณ์ภายนอกของตัวรถได้รับการออกแบบเน้นรูปทรงสปอร์ต พร้อมความปราดเปรียวและเพรียวลมสอดคล้องตามหลักอากาศพลศาสตร์ ส่วนกระจังหน้าได้รับอิทธิพลในการออกแบบมาจาก Kamishino หรือชุดของซามูไร ส่วนด้านท้ายได้รับอิทธิพลมาจาก Torii หรือเสาประตูที่อยู่ด้านหน้าของวัดชินโต
      
       ประตูทั้ง 4 บานเปิดออกในลักษณะที่เหมือนกับตู้กับข้าว และไร้เสากลางในการสร้างความเกะกะในการเข้าและออกจากห้องโดยสาร เสริมความสวยด้วยล้อแม็กขนาด 21 นิ้ว และยางแบบ Low Rolling Resistance เพื่อช่วยเพิ่มความประหยัดน้ำมันเชื้อเพลิง
      
       ภายในห้องโดยสารเน้นความสวยล้ำสมัย และการเลือกใช้วัสดุที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม เช่น วัสดุหุ้มเบาะหน้ามาจากใยที่สังเคราะห์จากกระบวนการรีไซเคิลเป็น PET Ultra Microfiber พร้อมกับการออกแบบรูปทรงให้ดูสวยและปราดเปรียวทั้งเบาะนั่งด้านหน้า และหลัง
       PURE DRIVE กลายเป็นนิยามใหม่ในการขับเคลื่อนของนิสสันเมื่อพูดถึงเรื่องความประหยัด น้ำมัน และเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ซึ่ง Ellure มาพร้อมกับเครื่องยนต์ไฮบริดที่ตอบสนองการขับขี่ได้อย่างยอดเยี่ยม สนุกสนาน และตอบโจทย์ในเรื่องความประหยัดน้ำมัน
      
       ขุมพลังแบบไฮบริดเป็นรูปแบบที่เรียกว่า Intelligent Dual Clutch Control คล้ายกับระบบที่ใช้ในนิสสัน ฟูก้า หรืออินฟินิตี้ เอ็ม ซีรีส์ โดยระบบไฮบริดนี้จะใช้คลัตช์ 2 ตัวในการปรับเปลี่ยนหน้าที่ของเครื่องยนต์ และมอเตอร์ไฟฟ้า พร้อมกับใช้แบตเตอรี่แบบลิเธียม-ไอออนในการเก็บกระแสไฟฟ้า
      
       ระบบไฮบริดที่ติดตั้งใน Ellure เป็นการจับคู่ระหว่างเครื่องยนต์ 4 สูบ 2,500 ซีซี ซูเปอร์ชาร์จ กับมอเตอร์ไฟฟ้าขนาด 25 กิโลวัตต์ ส่งกำลังสู่ล้อหน้าด้วยเกียร์อัตโนมัติอัตราทดแปรผันต่อเนื่อง หรือ CVT แบบ Xtronic ส่วนระบบกันสะเทือนเป็นแบบอิสระ 4 ล้อ และมีการใช้ระบบพวงมาลัยเพาเวอร์แบบ Drive-By-Wire และ Electric/Hydraulic ในการสร้างความแม่นยำในการบังคับควบคุมรถ
      
       ก็ต้องดูกันต่อไปว่าสุดท้ายแล้วแม้ทางนิสสันจะบอกว่าไม่ได้ เกี่ยวข้องอะไรกับรถยนต์รุ่นใหม่ๆ ในไลน์ผลิต แต่ดูเหมือนว่าข่าวหลายกระแสจะบ่งบอกออกมาว่า Ellure น่าจะเป็นร่างจำแลงของรุ่นแม็กซิมาใหม่ และอาจจะเกี่ยวพันถึงเทียนาใหม่ที่ทำตลาดในบ้านเราด้วย
      
       งานนี้ต้องดูกันยาวๆ ว่าจะเป็นจริงอย่างที่คาดหรือไม่