จำนวนคนอ่านล่าสุด 65 คน
| วันที่ 30 ตุลาคม พ.ศ. 2553 ปีที่ 20 ฉบับที่ 7275 ข่าวสดรายวัน
ยื่นปปช.สอบ 4เปารธน.แต่งตั้งลูก
เป็นเลขาฯแต่ชื่อ-ตัวไม่อยู่ ยกฟ้องอจ.ฉีกบัตรเลือกตั้ง อธิบดีศาลเห็นแย้ง-ชี้ทำผิด
ศาลยกฟ้อง "ไชยันต์ ไชยพร" อาจารย์รัฐศาสตร์ จุฬาฯฉีกบัตรเลือกตั้ง 2 เม.ย. 49 ศาลระบุจำเลยฉีกบัตรเพื่อสื่อถึงการไม่ยอมรับเลือกตั้งที่ไม่เป็นธรรมตามระบอบประชาธิปไตย ไม่ได้ก่อเหตุวุ่นวายและทำให้เสียหาย ชมรมกฎหมายภิวัตน์ ยื่นป.ป.ช.และผู้ตรวจการแผ่นดิน สอบ 4 ตุลาการศาลรธน. ตั้งลูกและหลานเป็นเลขา นุการ 'เทอดพงษ์'สอบ'วิรัช'โผล่ ในคลิปฉาวเสร็จ เตรียมสรุปส่ง'มาร์ค' 1 พ.ย. 'สุวัจน์' เชื่อมีเลือกตั้งเร็วๆ นี้หลังนายกฯปูดเลือกตั้งปีหน้า
ยื่นป.ป.ช.สอบ4เปารธน.
เมื่อวันที่ 29 ต.ค.นายพิชา วิจิตรศิลป์ ประธานชมรมกฎหมายภิวัฒน์แห่งประเทศไทย ให้สัมภาษณ์ภายหลังยื่นหนังสือต่อคณะกรรมการป.ป.ช. ให้ไต่สวนและดำเนินคดี 4 ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ แต่งตั้งบุคคลใกล้ชิดดำรงตำแหน่งเลขานุการและผู้ช่วยเลขานุการ ว่า สืบเนื่องจากตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ 4 คน ประกอบด้วย นายบุญส่ง กุลบุปผา นายสุพจน์ ไข่มุกด์ นายเฉลิมพล เอกอุรุ และนายอุดมศักดิ์ นิติมนตรี มีพฤติการณ์ส่อว่าน่าจะกระทำการอันเป็นการขัดกันระหว่างผลประโยชน์ส่วนบุคคลและประโยชน์ส่วนรวมตามมาตรา 100 (1) ประกอบมาตรา 122 แห่งพ.ร.บ.ว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ พ.ศ. 2542 และส่อว่าน่าจะกระทำความผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ราชการตามมาตรา 152 และมาตรา 157 แห่งประมวลกฎหมายอาญา
ตั้งลูก-หลานเป็นเลขาฯ
นายพิชา กล่าวว่า นายบุญส่ง และนายสุพจน์ แต่งตั้งบุตรตัวเองเป็นเลขานุการ ขณะที่นายเฉลิมพล แต่งตั้งหลานเป็นผู้ช่วยเลขานุการของตนเอง และยังผลักดันให้เป็นข้าราชการสำนักงานศาลรัฐธรรมนูญ ส่วนนายอุดมศักดิ์แต่งตั้งหลาน 2 คนมาเป็นเลขานุการ และผู้ช่วยเลขานุการ ซึ่งบุคคลที่เป็นญาติของตุลาการทั้ง 4 คนต่างได้รับเงินเดือนและผลตอบแทนอัตราสูง นอกจากนี้บุตรของนายบุญส่ง คือนายทนายรัฐ กุลบุป ผา หลังได้รับแต่งตั้งเป็นเลขานุการแล้วไปเรียนต่อต่างประเทศ ไม่ได้มาปฏิบัติงานประจำที่ศาลรัฐธรรมนูญ แต่ระหว่างศึกษาในต่างประเทศกลับได้รับเงินเดือนและผลตอบแทนตามปกติทุกเดือน เรื่องนี้ตนยื่นคำร้องต่อคณะตุลาการรัฐธรรมนูญเพื่อให้ตรวจสอบข้อเท็จจริงแล้ว
"การที่ตุลาการทั้ง 4 คนแต่งตั้งญาติตนเองเท่ากับตุลาการทั้ง 4 คนไม่ปฏิบัติให้เป็นไปตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 279 วรรค 4 ซึ่งน่าจะถือว่าเป็นการฝ่าฝืนจริยธรรมของตุลาการรัฐธรรมนูญอย่างร้ายแรง ตามประกาศศาลรัฐธรรมนูญเรื่องจริยธรรมตุลาการ ข้อ 1 และข้อ 2 ซึ่งน่าจะอยู่ในข่ายต้องถูกถอดถอนออกจากตำแหน่งตามมาตรา 270 ของรัฐธรรมนูญด้วย" นายพิชากล่าว
ยื่นผู้ตรวจแผ่นดินสอบด้วย
ต่อมาเวลา 11.00 น.ที่สำนักงานผู้ตรวจการแผ่นดิน นายพิชาเข้ายื่นหนังสือขอให้ผู้ตรวจการแผ่นดิน ตรวจสอบกรณี 4 ตุลา การศาลรัฐธรรมนูญ ตั้งบุตรและหลานทำหน้าที่เลขานุ การและผู้ช่วยเลขานุการ ว่าเป็นการกระทำการขัดรัฐธรรมนูญ มาตรา 279 วรรคสี่ ประกอบมาตรา 280 ซึ่งเกี่ยว ข้องกับการฝ่าฝืนมาตรฐานทางจริยธรรมในการพิจารณาสรรหา กลั่นกรอง หรือแต่งตั้งบุคคลเข้าสู่ตำแหน่งที่เกี่ยวข้องกับการใช้อำนาจรัฐ ที่กำหนดให้ต้องเป็นไปตามระบบคุณธรรมและคำนึงถึงจริยธรรมของบุคคลดังกล่าว หากผู้ตรวจการแผ่นดินตรวจสอบและเห็นว่าพฤติการณ์ของ 4 ตุลาการเข้าข่ายความผิด ตามขั้นตอนจะยื่นต่อวุฒิสภาเพื่อถอดถอน
ท่านเปาตามสบายไม่มีปัญหา
ด้านนายบุญส่ง กุลบุปผา ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ กล่าวว่า ไม่เป็นไร ใครมีอำนาจฟ้องก็ทำไป ป.ป.ช.จะได้ตัดสิน แต่ ถ้ามองว่าตั้งคนใกล้ชิดเป็นเลขานุการไม่ได้ อย่างนี้พวก ส.ส.ก็ผิดกันบานเลย ตนไม่อยากพูดอะไรมากเพราะขณะนี้ตกลงเป็นมติของตุลาการฯแล้วว่า ตุลาการฯไม่ควรออกมาพูดอะไรมาก เพราะจะกลายเป็นการ ตอบโต้รายวัน ซึ่งไม่เหมาะสม
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำนักงานศาลรัฐธรรม นูญออกเอกสารข่าว มีข้อความระบุว่าตามที่ที่ประชุมตุลาการศาลรัฐธรรมนูญมีมติให้ดำเนินคดีกับผู้กระทำผิด กรณีมีผู้ให้ข่าวทางหนังสือ พิมพ์ข่มขู่ตุลาการฯ และเปิดเผยคลิปวิดีโอที่เกี่ยวข้องกับการประชุมพิจารณาคดี รวมถึงการให้กระทรวงการต่างประเทศเพิกถอนหนังสือ เดินทางราชการของนายพสิษฐ์ ศักดาณรงค์ อดีตเลขานุการประธานศาลรัฐธรรมนูญนั้น ขณะนี้สำนัก งานศาลรัฐธรรมนูญดำเนินการดังกล่าวแล้ว
ตร.เก็บหลักฐานถ่ายคลิปในศาล
ผู้สื่อข่าวรายงานอีกว่า ช่วงเช้าที่ผ่านมามีตำรวจกองปราบปราม 4 นาย เดินทางมาสำนัก งานศาลรัฐธรรมนูญ โดยมีรายงานว่ามาประสานขอข้อมูลเกี่ยวกับสถานที่ที่ปรากฏภาพในคลิป ซึ่งเป็นห้องประชุมคณะตุลา การฯ และเข้าตรวจสอบบริเวณที่คาดว่าจะเป็นจุดแอบถ่ายภาพภายในห้องประชุม โดยสอบถามเจ้าหน้าที่ศาลว่าบริเวณที่ปรากฏ ในคลิปเป็นที่นั่งของบุคคลใด ซึ่งได้รับคำตอบว่าเป็นที่นั่งของนายพสิษฐ์ อย่างไรก็ตามตำรวจกองปราบฯตรวจสอบตำแหน่งการถ่ายคลิป และดูคลิปแล้ว วิเคราะห์ว่ากล้องที่ใช้บันทึกภาพเป็นกล้องสำหรับแอบถ่ายโดยเฉพาะ คาดว่าอาจเป็นกล้องปากกา
กก.แก้รธน.แจงยุบศาลรธน.
ขณะที่นายเจษฎ์ โทณะวณิก คณบดีคณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยสยาม หนึ่งในคณะกรรมการพิจารณาแก้ไขรัฐธรรมนูญ ชุดที่มีนายสมบัติ ธำรงธัญวงศ์ เป็นประธาน กล่าวถึงกรณีนายวสันต์ สร้อยพิสุทธิ์ ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ ระบุฝ่ายการเมืองพยายามแก้รัฐธรรมนูญในส่วนของศาลรัฐธรรมนูญ โดยให้ยุบองค์กรนี้ไปอยู่ในแผนกงานคดีที่เกี่ยวกับการวินิจฉัยคดีรัฐธรรมนูญของศาลฎีกา ว่า การที่ศาลรัฐธรรมนูญแยกออกมาเป็นอิสระเพียงหน่วยงานเดียวอย่างปัจจุบันนี้ คิดว่ายังไม่ค่อยจำเป็นเท่าที่ควร แต่ก็ยังจำเป็นต้องมีหน่วยงานหรือองค์กรพิจารณาคดีเกี่ยวข้องกับข้อกฎหมายในรัฐธรรมนูญ
"ผมคิดว่าประเทศไทยไม่จำเป็นต้องมีศาลคู่มากมายถึง 2-3 ศาล เช่น ศาลรัฐ ธรรมนูญ ศาลปกครอง แต่ควรมีศาลเดี่ยวที่แยกแผนกการทำงานของคดีต่างๆ อาทิ ศาลฎีกาในแผนกคดีทางการปกครอง ศาลฎีกาในแผนกคดีกฎหมายรัฐธรรมนูญ เป็นต้น โดยตั้งองค์คณะตุลาการขึ้นมาดูแลแต่ละแผนก ซึ่งอาจใช้ระบบการสรรหาคณะตุลาการหรือผู้พิพากษาที่มาจากผู้ทรงคุณวุฒิด้านกฎหมายหรือผู้ทรงคุณวุฒิด้านอื่นๆ ทำหน้าที่เป็นผู้พิพากษาสมทบ จะทำให้ระบบการทำงาน มีกลไกโปร่งใสตรวจสอบได้ รวมถึงควรใช้ระบบการพิจารณาเพียงระบบเดียว ซึ่งจะใช้ระบบไต่สวนก็ใช้ทั้งระบบ หรือจะใช้ระบบกล่าวหาก็ใช้ทั้งระบบ เพื่อป้องกันปัญหา 2 มาตรฐาน" นายเจษฎ์ กล่าว
ปชป.โต้กลับพท.ทุกเม็ด
ที่พรรคประชาธิปัตย์ นายวิรัตน์ กัลยาศิริ คณะทำงานฝ่ายกฎหมายต่อสู้คดียุบพรรคประชาธิปัตย์ แถลงตอบโต้กรณีนายจาตุรนต์ ฉายแสง อดีตรักษาการหัวหน้า พรรคไทยรักไทย ระบุศาลรัฐธรรมนูญมักอนุญาตทีมทนายพรรคประชาธิปัตย์ถามยาวเป็นพิเศษว่า ถือเป็นการโกหก ใส่ร้ายศาล จงใจทำให้ศาลเสียหาย เพราะการสืบพยานฝ่ายโจทก์นั้นถามได้เต็มที่ ศาลอนุญาตให้ถามโดยไม่ได้กำหนดว่ากี่คำถาม ส่วนที่นายสมศักดิ์ เกียรติสุรนนท์ อดีตรองประธานสภาผู้แทนฯ ระบุกรณียุบพรรคพลังประชา ชน ศาลรัฐธรรมนูญใช้เวลาสั้นกว่าคดียุบพรรคประชาธิปัตย์นั้น ขอชี้แจงว่าการยุบพรรคพลังประชาชน ได้ผ่านขั้นตอนพิจารณาคดีของศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองมาแล้ว แต่ศาลฎีกาฯไม่มีอำนาจสั่งยุบพรรค เพราะกฎหมายให้อำนาจศาลรัฐธรรมนูญ จึงต้องนำเรื่องเข้าศาลรัฐธรรมนูญ และยุบพรรคพลังประชาชนในที่สุด ต่างกับกรณีพรรคประชาธิปัตย์ นายสมศักดิ์บิดเบือนพูดความจริงเพียงครึ่งเดียว หวังโจมตี ทำลายความน่าเชื่อถือศาลรัฐ ธรรมนูญ
ส่วนที่ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง ประธาน ส.ส. พรรคเพื่อไทย ระบุพรรคประชาธิปัตย์เฉไฉกรณีคลิปฉาว นายวิรัตน์ กล่าวว่า เป็นที่รู้กันในข้อเท็จจริงว่าที่ประชุมตุลาการจะเชิญประธานกกต.มาเป็นพยาน จึงนำกรณีนี้มาหลอกนายวิรัช ร่มเย็น ส.ส.ระนอง คณะทำงานฝ่ายกฎหมายฯ ให้ไปติดกับ ยืนยันว่าทั้งหมดเป็นข้อเท็จจริง ไม่ใช่เรื่องเฉไฉตามที่ร.ต.อ.เฉลิมกล่าวหา ซึ่งสอดรับกับกลุ่มบุคคลที่ต้องการทำลายสถาบันยุติธรรมและสถาบันองคมนตรีตามคลิปที่ถูกเผยแพร่ในเว็บไซต์ยูทุบตั้งแต่ตอนที่ 1-5
พลิกกฎหมายหาช่องยุบพท.
นายวิรัตน์ กล่าวว่า ส่วนที่นายพร้อมพงศ์ นพฤทธิ์ โฆษกพรรคเพื่อไทย กล่าวหาพรรคประชาธิปัตย์มีอาการเหมือนคนธาตุไฟแตกหลังจากถูกแฉเรื่องคลิปฉาวจึงจะฟ้องกกต.เพื่อยุบพรรคเพื่อไทยนั้น เรื่องนี้พรรคเพื่อไทยปฏิเสธไม่ได้ว่าไม่มีส่วนรู้เห็นเพราะเป็นผู้นำเรื่องดังกล่าวมาขยายผล ทั้งหมดมีกฎหมายอาญารองรับว่าเข้าข่ายความผิดมาตรา 139 โทษจำคุกไม่เกิน 4 ปี และมาตรา 198 โทษจำคุก 1-7 ปี และมาตรา 164 โทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี ทั้งนี้กลุ่มคนเหล่านี้ทำหน้าที่เกี่ยวโยงกันเพียงแต่แบ่งหน้าที่กันทำ
นายวิรัตน์ กล่าวอีกว่า ดังนั้นกรณีที่คนพรรคเพื่อไทยนำคลิปออกมาข่มขู่ตุลาการถือว่าเข้าข่ายผิดกฎหมาย ทีมกฎหมายของพรรคจะหารือถึงข้อเท็จจริงตามข้อกฎหมายที่มีอยู่ หากเข้าข่ายความผิดจะเสนอยุบพรรคเพื่อไทยทันที ยืนยันว่าไม่ใช่พรรคธาตุไฟแตก แต่ทำหน้าที่เพื่อให้ความจริงปรากฏต่อสังคม ไม่ให้นำเรื่องนี้ไปขยายความ บิด เบือนหรือขยายผลทางการเมืองอีกต่อไป
นายวิรัตน์ กล่าวต่อว่า ส่วนที่นายจตุพร พรหมพันธุ์ ส.ส.สัดส่วน พรรคเพื่อไทย และแกนนำนปช. พาดพิงนายบุญส่ง กุลบุปผา ตุลา การศาลรัฐธรรมนูญ ที่ออกมาเปิดเผยว่าตุลาการถูกข่มขู่เอาชีวิตนั้น เรื่องนี้จะเห็นพฤติกรรมได้ชัดเจนตั้งแต่ช่วงเหตุการณ์ความไม่สงบที่มีกลุ่มคนชุดดำใช้อาวุธสงครามยิงพล.อ.ร่มเกล้า ธุวธรรม อดีตรองเสธ.พล.ร. 2 รอ. เสียชีวิตในการชุมนุมแต่ไม่เคยยอมรับความจริง กลับท้าให้เจ้าหน้าที่ไปสืบเอาเอง และยังเอาเรื่องโกหกรายวันออกมาบิดเบือนต่อสังคมทำให้คนสับสน ทั้งที่ถูกจับได้ ยืนยันว่าหากพฤติกรรมของกลุ่มคนเหล่านี้มีความผิดตรงตามข้อกฎหมายที่กำหนด จำเป็นต้องยื่นเรื่องยุบพรรคเพื่อไทย
ยันไม่เคยวิ่งเต้น-ซื้อตัวศาล
นายวิรัตน์ กล่าวว่า ส่วนที่นายพร้อมพงศ์ นพฤทธิ์ โฆษกพรรคเพื่อไทย ระบุถึงคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงกรณีที่มีภาพนายวิรัชปรากฏอยู่ในคลิปฉาว ต้องการฟอกขาวให้นายวิรัชนั้น เรื่องนี้ถือเป็นเรื่องภายในของพรรค นายพร้อมพงศ์อย่ามาจุ้นจ้านจัดการงานนอกสั่งเพราะไม่ใช่หน้าที่ของนายพร้อมพงศ์ พรรคยืนยันว่าจะไม่ปกป้องผู้ใด หากผิดว่าตามผิด หากถูกก็คือถูก ดังนั้นขอเรียกร้องให้ศาลรัฐธรรมนูญดำเนินการอย่างเฉียบขาดต่อกระบวนการหรือกลุ่มบุคคลใดๆ ที่ต้องการล้มล้างศาลรัฐธรรมนูญ ทำลายกระบวนการยุติธรรมและสถาบันองคมนตรีด้วย ยืนยันว่าพรรคเคารพในสถาบันตุลาการและกระบวนการยุติธรรมมาตลอด ไม่เคยวิ่งเต้นหรือซื้อตัวตุลาการอย่างบางยุคบางสมัยที่เมื่อซื้อไม่ได้ก็ต้องทำลาย
ขณะที่นายถาวร เสนเนียม รมช.มหาด ไทย ทีมกฎหมายคดียุบพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า เรื่องกดดันตุลาการฯมีมาต่อเนื่อง นามสกุลเดียวกับส.ส.ก็ถูกกดดัน เรียนรุ่นเดียวกันก็ถูกกดดัน เป็นวิธีการเพื่อให้ยุบพรรคประชาธิปัตย์ เช่น เคลื่อนไหวกดดันกกต.จนพูดว่าต้องยุบพรรคประชาธิปัตย์แล้ว กกต.จะไม่ถูกกระทำ เป็นกระบวน การบีบคั้นองค์กรอิสระและเอาคืนจากการยุบไทยรักไทยและพลังประชาชน คนที่เคลื่อนไหวสังกัด 2 พรรคนี้ อยากขอตุลาการฯว่า อย่าหวั่นไหว ถ้าเราผิดจริง เราพร้อมน้อมรับผลการตัดสิน
กก.สอบ'วิรัช'ชงสรุปส่งมาร์ค
นายเทอดพงษ์ ไชยนันทน์ ส.ส.สัดส่วน พรรคประชาธิปัตย์ ประธานตรวจสอบข้อเท็จจริงกรณีนายวิรัช ร่มเย็น ส.ส.ระนอง ทีมกฎหมายของพรรคไปปรากฏอยู่ในคลิปฉาวซึ่งโยงถึงคดียุบพรรคว่า คณะทำงานตรวจสอบข้อเท็จจริงทั้งหมดแล้ว ทั้งรายละเอียดของคลิปและพฤติกรรมความเหมาะสมของนายวิรัชในการไปพบนายพสิษฐ์ ศักดาณรงค์ อดีตเลขานุการประธานศาลรัฐธรรมนูญ และจะนัดประชุมอีกครั้งวันที่ 31 ต.ค. เพื่อร่างรายงานและนำเสนอนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกฯ ในฐานะหัว หน้าพรรค วันที่ 1 พ.ย.นี้ ยังไม่สามารถเปิดเผยข้อสรุปได้ ส่วนจะลงโทษนายวิรัชหรือไม่ เป็นอำนาจหัวหน้าพรรค มีตั้งแต่ตักเตือน ภาคทัณฑ์ และอื่นๆ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การทำงานของคณะทำงานชุดดังกล่าว ได้ให้ผู้ชำนาญการตรวจสอบคลิปพบว่าบางช่วงมีการตัดต่อ แต่การตัดต่อไม่ได้มีผลต่อเนื้อหาในการพูดคุยกัน รวมถึงคณะทำงานยังเชิญเพื่อนร่วมรุ่นหลักสูตรการเมืองการปกครองในระบอบประชาธิปไตยสำหรับนักบริหารระดับสูง รุ่นที่ 13 (ปปร.13) ทั้งหมด ซึ่งเป็นรุ่นเดียวกับนายพสิษฐ์ร่วมให้ข้อมูลด้วย
ห่วงเสื้อแดงชุมนุมกดดันศาล
ส่วนน.พ.บุรณัชย์ สมุทรักษ์ โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงแถลงการปิดคดียุบพรรคกรณีถูกกล่าวหาว่าใช้เงินสนับสนุนพรรค การเมืองของกกต. 29 ล้านบาท ผิดวัตถุประสงค์ว่า พรรคพร้อมแถลงปิดคดีด้วยวาจา วันที่ 29 พ.ย. ซึ่งตลอด 64 ปีพรรคได้ยึดถือกฎหมาย ความถูกต้อง ซื่อสัตย์สุจริตในการทำงาน และยืนยันว่าขณะนี้พรรคมั่นใจในการดำเนินการของพรรค อย่างไรก็ตาม ก่อนศาลรัฐธรรมนูญจะวินิจฉัย ไม่อยากให้ฝ่ายที่ไม่เกี่ยวข้องแทรกแซงศาลและกระบวนการยุติธรรม ส่วนที่ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง เรียกร้องให้ดูเนื้อหาของคลิป ไม่ใช่ดูว่าใครถ่าย นั้น ก็ถือเป็นส่วนหนึ่งของกระบวนการจ้องทำลายตุลาการและกระบวนการยุติธรรม เพราะขณะนี้สังคมตั้งข้อสังสัยว่า พรรคเพื่อไทยมีส่วนเกี่ยวข้องด้วยหรือไม่กับคลิปดังกล่าว เพราะเพื่อไทยเผยแพร่เรื่องดังกล่าวก่อนเว็บไซต์
น.พ.บุรณัชย์ กล่าวถึงกรณีกลุ่มนปช. เตรียมชุมนุมวันที่ 19 พ.ย.ว่า พรรคกังวลว่าจะใช้เวลาช่วงนี้กดดันสู่การแถลงการปิดคดีของศาลรัฐธรรมนูญ ซึ่งทำให้ประเทศประสบปัญหา ดังนั้นจึงอยากให้ทุกฝ่ายช่วยประคับประคองประเทศ เพื่อไม่ให้ได้รับความเสียหาย
น.พ.บุรณัชย์ กล่าวถึงกรณีนายกรัฐมนตรีจะนำ 6 ประเด็นการแก้ไขรัฐธรรมนูญมาหารือว่า พรรคถือว่าเรื่องดังกล่าวเป็นความคืบหน้าในกรอบการปรองดอง 5 ข้อ หลัง จากตั้งคณะกรรมการศึกษาติดตามตั้งแต่เดือนพ.ค. เชื่อว่า นายกฯจะนำ 6 ข้อเสนอ เข้าสู่ครม.วันที่ 2 พ.ย.นี้ คาดว่าประมาณ 2 สัปดาห์น่าจะเสร็จ ในส่วนของพรรคแม้ที่ผ่านมาจะมีมติไม่เห็นด้วยกับการแก้ไขรัฐธรรมนูญ แต่ครั้งนี้เมื่อมีข้อเสนอของคณะกรรมการปฏิรูปเข้ามาใหม่ ต้องนำเข้าที่ประชุมครั้งต่อไป คิดว่าน่าเป็นหลังจากรัฐบาลได้ข้อสรุปแล้ว
เปล่าตี2หน้าเกมแก้รธน.
ส่วนนายเทพไท เสนพงศ์ โฆษกประจำตัวหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีพรรคชาติไทยพัฒนาไม่ได้คาดหวังกับพรรคประชาธิปัตย์ในการแก้รัฐธรรมนูญว่า เรื่องยังไม่มีข้อสรุป ไม่ควรออกมาทำนายหรือฟันธง แม้ก่อนหน้านี้พรรคเคยมีมติไม่เห็นด้วยกับการแก้ก็ตาม แต่เมื่อนายกฯแต่งตั้งคณะกรรมการศึกษาแนวทางแก้ไขรัฐธรรมนูญและกฎหมายขึ้น ต้องยอมรับผลการศึกษาของคณะกรรมการชุดนี้ พรรคต้องพิจารณาเหตุผลและความจำเป็นในทุกแง่มุม ทั้งหมดขึ้นอยู่กับสถานการณ์ทางการเมืองในขณะนั้น รวมทั้งเหตุผลและความจำเป็นจากการศึกษาของคณะกรรมการชุดดังกล่าวด้วย ซึ่งอาจมีการเปลี่ยนแปลงมติของพรรคก็ได้ ทุกพรรคต้องพร้อมทุกสถานการณ์ เข้าสู่สนามเลือกตั้งภายใต้กติกาที่รัฐธรรมนูญกำหนดโดยไม่มีเงื่อนไข
นายเทพไท กล่าวด้วยว่า นายกฯเสร็จภารกิจการประชุมสุดยอดผู้นำอาเซียนที่เวียดนามและแก้ปัญหาน้ำท่วมได้แล้ว คงมีเวลาเชิญพรรคร่วมรัฐบาลมาพูดคุยและทำความเข้าใจเรื่องนี้ต่อไป ยืนยันว่านายกฯไม่ได้ซื้อเวลาเรื่องแก้รัฐธรรมนูญ เมื่อมีปัญหาเฉพาะหน้าคือความเดือดร้อนของประชาชน หากละทิ้งปัญหาดังกล่าว แล้วมาสนใจปัญหาผลประโยชน์ของนักการเมืองกันเอง อาจทำให้สังคมนินทาหรือประณามนักการเมืองได้ ส่วนบางฝ่ายพยายามยัดเยียดและกล่าวหาว่าประชาธิปัตย์กำลังตี 2 หน้าเรื่องแก้รัฐธรรมนูญนั้น ยืนยันว่าไม่จริง ประชาธิปัตย์มีหน้าเดียวมาตลอด
'สุวัจน์'แย้มมีเลือกตั้งเร็วๆ นี้
ทางด้านนายสุวัจน์ ลิปตพัลลภ แกนนำพรรครวมชาติพัฒนา ให้สัมภาษณ์กรณีนายกฯส่งสัญญาณเลือกตั้งปีหน้าว่า ก็ดี เพราะสัญญาณการเลือกตั้งที่ชัดเจน เป็นสัญญาณที่ดีต่อประเทศ ทุกคนจะได้เตรียมตัว และแสดงความจริงใจของรัฐบาลว่าทำทุกอย่างโปร่งใส เชื่อว่าเมื่อมีเลือกตั้งเมื่อไหร่ปัญหาความขัดแย้งต่างๆ จะเบาบางลง อย่าลืมว่าการเลือกตั้งเป็นปัจจัยหนึ่งของการเรียกร้องที่นำไปสู่ความขัดแย้ง ฉะนั้นถ้าวันนี้ภาพการเลือกตั้งเกิดขึ้น แน่นอนที่สุดความขัดแย้งลดลง ถ้าเราจัดเลือกตั้งได้ดี ทุกฝ่ายยอมรับผล ปัญหาความขัดแย้งภายหลังเลือกตั้งจะน้อยลง ทุกอย่างจะเข้าสู่กลไกปกติของระบอบประชาธิปไตย ตนมองว่าการเลือกตั้งจะมีส่วนสำคัญในการลดความขัดแย้ง การที่นายกฯออกมาพูดจุดยืนเรื่องนี้ชัดเจนเป็นเรื่องที่ดีกับประเทศ
ผู้สื่อข่าวถามว่าแกนนำพรรคชาติไทยพัฒนาและพรรคเพื่อไทยมีมุมมองตรงกันว่านายกฯแค่พูดเอาหล่อ เพราะรู้อยู่แล้วว่าวาระของรัฐบาลสิ้นสุดแค่วันที่ 22 ธ.ค. 2554 นายสุวัจน์ กล่าวว่า นายกฯพูดชัดว่าไม่อยู่ครบเทอม นายกฯพูดมาหลายครั้งแล้วคงแน่นอน ท่านต้องเป็นผู้ที่ตัดสินใจหลักของพรรคร่วมในการยุบสภา ถ้านายกฯมีอะไรถึงจุดนั้น คงปรึกษาหารือกับผู้ร่วมรัฐ บาล เพียงแต่ต้องเป็นเวลาที่เหมาะสม ตนว่าเป็นสัญญาณชัดเจนแล้วว่าเร็วๆ นี้คงมีเลือกตั้ง แต่จะเป็นช่วงหลังน้ำลดเมื่อไหร่ อีกนานแค่ไหน
เมื่อถามว่านายกฯควรประกาศเรื่องวันเลือกตั้งให้ชัดเจนเลยหรือไม่ นายสุวัจน์ กล่าวว่า อย่างน้อยวันนี้ก็เห็นกรอบรวมที่ชัดเจนว่าปีหน้ารัฐบาลอยู่ไม่ครบเทอมแน่ ต่อไปจะเป็นรายละเอียด หลังจากปัญหาน้ำท่วมคลี่คลายลง นายกฯคงมีภาพรวมที่ชัดเจนอีกครั้ง
ต่อข้อถามว่าปัญหาความขัดแย้งยังไม่หมด ถ้าเลือกตั้งอีกจะเพิ่มดีกรีความขัดแย้งหรือไม่ นายสุวัจน์ กล่าวว่า "น้ำเดือดเราก็ลดอุณหภูมิให้เป็นน้ำร้อนก่อน แล้วน้ำร้อนลดอุณหภูมิให้เป็นน้ำอุ่น จากน้ำอุ่นแล้วสักวันหนึ่งมันจะร่มเย็นสงบ น้ำจะเย็น มันเป็นไปทีละลำดับ เหตุการณ์ความขัดแย้งรุนแรงของเรามันหนักหนาสากรรจ์ การที่ทุกฝ่ายช่วยกันประคองสถานการณ์ไว้ ขณะนี้ถือว่าเป็นเรื่องดีมากแล้ว เศรษฐกิจยังเดินไปได้ ตัวเลขจีดีพีโตถึง 7% โดยที่เศรษฐกิจโตท่ามกลางความขัดแย้ง ถ้าสักวันไม่มีความขัดแย้ง จีดีพีไม่เป็น 10 หรือ ถ้าเราเห็นตรงนี้กันและเรามีความจริงใจ มุ่งมั่นช่วยกันแก้ปัญหาน่าจะเป็นเรื่องที่ดี
ทุกพรรคล้วนมุ่งสนามโคราช
ผู้สื่อข่าวถามว่าความคืบหน้าการแก้รัฐธรรมนูญจะช่วยเสริมความปรองดองหรือเพิ่มความขัดแย้ง เพราะกลุ่มพันธมิตรตั้งเป้าคัดค้าน นายสุวัจน์ กล่าวว่า แล้วแต่ประ เด็นที่จะแก้ไข และขึ้นกับวิธีการว่าจะทำอย่างไรให้ยอมรับ ซึ่งจะทำให้ไม่มีความขัดแย้ง แต่ถ้าวิธีการไม่ได้รับการยอมรับมันจะขัดแย้งกัน เมื่อถามว่าหากการแก้รัฐธรรม นูญไม่สำเร็จ ต้องเลือกตั้งภายใต้รัฐธรรมนูญปี 2550 ยังรับได้หรือไม่ นายสุวัจน์ กล่าวว่า นักการเมืองคือผู้เล่น ไม่ใช่ผู้กำหนดกติกา ดังนั้นกติกามีอย่างไรก็เป็นเรื่องความสมัครใจจะเล่นหรือไม่เล่น
เมื่อถามว่านายกฯจะนำร่างแก้ไขรัฐธรรม นูญของคณะกรรมการสมานฉันท์ฯ เข้าหารือครม.วันที่ 2 พ.ย. พรรครวมชาติพัฒนารับข้อเสนอดังกล่าวได้หรือไม่ นายสุวัจน์ กล่าวว่า ตนไม่ตอบในนามพรรค เรื่องนี้มาจากคณะกรรมการสมานฉันท์ฯของสภาที่เคยศึกษาไว้ และทุกฝ่ายยอมรับระดับหนึ่ง และคณะกรรมการชุดที่รัฐบาลตั้งขึ้นมีแนวทางใกล้เคียงกับแนวทางเก่าที่ทำมา ต้องยอมรับว่ามีพื้นฐานที่มาที่ไปในระดับพอสมควร เชื่อว่าความขัดแย้งไม่น่าจะมาก ซึ่งต้องแล้วแต่ที่ประชุมหรือทุกฝ่ายจะเห็นอย่างไร แต่ตนอยากให้ความสำคัญกับเรื่องวิธีการและขั้นตอนให้เกิดการยอมรับเพื่อลดความขัดแย้ง
เมื่อถามว่าพรรคเพื่อไทยประกาศรุกหนักในพื้นที่นครราชสีมา นายสุวัจน์ กล่าวว่า โคราชเป็นจังหวัดใหญ่รองจากกรุงเทพฯ มีส.ส.เขตและสัดส่วนรวมถึง 20 ที่นั่ง ต้องเป็นเป้าหมายของทุกพรรคอยู่แล้ว ถ้าใครชนะที่โคราชก็ใหญ่กว่าพรรคหนึ่งด้วยซ้ำไป จึงเป็นพื้นที่เป้าหมาย แต่จะแพ้หรือชนะอยู่ที่ชาวโคราชจะรักใครชอบใคร เมื่อถามว่าจับมือกับว่าที่ร.ต.ไพโรจน์ สุวรรณฉวี แกนนำพรรคเพื่อแผ่นดินในการเลือกตั้งนครราชสีมาหรือไม่ นายสุวัจน์ ยิ้ม แล้วกล่าวว่า "มีความสัมพันธ์ที่ดีต่อกัน เคารพนับถือกันในฐานะรุ่นพี่รุ่นน้อง ว่าที่ร.ต.ไพโรจน์เป็นรุ่นพี่ผม"
พรรคเติ้งคึกไม่กลัวใคร
ที่พรรคชาติไทยพัฒนา นายวัชระ กรรณิ การ์ โฆษกพรรคชาติไทยพัฒนา กล่าวถึงวอร์รูมห้องกรกฎของพรรคเพื่อไทย วิเคราะห์สถานการณ์การเลือกตั้ง อ้างผลสำรวจระบุภาคเหนือตอนล่างและภาคกลาง ส.ส.เพื่อไทยอาจถูกดูด โดยจับตาความเคลื่อนไหวของพรรคชาติไทยพัฒนามากเป็นพิเศษเพราะมีทั้งกระแสและทุน ว่า ในส่วนภาคเหนือตอนล่างเป็นความเข้าใจที่ถูกต้อง แต่เราไม่กลัวคู่แข่งหรือพรรคอื่น รวมถึงพื้นที่อื่นที่มีส.ส.ของชาติไทยพัฒนา
นายวัชระ กล่าวว่า การดำรงอยู่ของส.ส. ชาติไทยพัฒนาเป็นดาวฤกษ์ ไม่ได้เป็นดาวเคราะห์ ส.ส.ทุกคนมีคะแนนเสียงส่วนตัว มีความนิยม ชมชอบในหมู่ประชาชนมาก ไม่ ใช่ดาวเคราะห์ที่ต้องอาศัยกระแส หรือความนิยมชมชอบของพรรคเป็นตัวผลักดัน ส.ส. พรรคไม่เคยทิ้งพื้นที่ ไม่มีความเกรงกลัวคู่แข่ง
นายวัชระ กล่าวถึงกรณีนายกฯเตรียมนำการแก้รัฐธรรมนูญของคณะกรรมการแก้ไขรัฐธรรมนูญ เข้าครม. ว่า พรรคชาติไทยพัฒนาเห็นด้วยที่นายกฯจะนำเข้าครม. แม้เรื่องการแก้ไขรัฐ ธรรมนูญจะเป็นเรื่องของสภา และ ส.ส. แต่หากนำเข้าครม.ก็จะมีน้ำหนักมากขึ้น เพราะโดยข้อเท็จจริงครม.ถือเป็นตัวแทนพรรคการเมืองเสียงข้างมาก ซึ่งข้อเสนอของนายสมบัติ ธำรงธัญวงศ์ ใน 6 ประเด็น พรรคไม่ได้คาดหวังว่าจะได้รับการตอบรับทั้ง 6 ประเด็น แต่คาดหวังว่าอย่างน้อยสุดในมาตรา 93 ว่าด้วยที่มาของกติกาเลือกตั้ง และมาตรา 190 ว่าด้วยการทำสัญญาระหว่างประเทศ ซึ่งเป็นประเด็นที่พรรคชาติไทยพัฒนาผลักดันมาโดยตลอด
พท.ท้า'มาร์ค'บอกวันเลือกตั้ง
ที่พรรคเพื่อไทย นายสุรพงษ์ โตวิจักษณ์ ชัยกุล รองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย กล่าวภายหลังประชุมคณะกรรมการตรวจสอบการบริหารงานของรัฐบาล และศูนย์ปราบโกงของพรรคเพื่อไทย ร่วมกับประธานคณะกรรมาธิการชุดต่างๆ ของสภาผู้แทนฯ ว่า ที่ประชุมมอบหมายศูนย์ปราบโกง รวบรวมการทุจริตในรัฐบาล จากนั้นจัดทำเป็นสมุดปกดำแจกประชาชนได้ทราบข้อเท็จจริง รวมทั้งจัดนิทรรศการเปิดโปงโกงเต็มรูปแบบ โดยกำชับประธานกรรมาธิการเก็บข้อมูลทุจริต และการบริหารงานผิดพลาดของรัฐบาล เพื่อเตรียมเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาล และรวบรวมเพื่อทำปฏิทินโกงแจกประชาชนทั่วประเทศช่วงเทศกาลปีใหม่ 2554 โดยระบุชัดเจนว่ารัฐบาลโกงโครงการอะไรบ้าง แล้วโกงเมื่อไร เท่าไหร่ ประชาชนจะได้จำได้ ส่วนที่นายกฯระบุจะยุบสภาปี 2554 ส.ส.เพื่อไทยหารือกันเห็นว่านายกฯไม่จริงใจเรื่องยุบสภา เพราะถึงอย่างไรก็ต้องยุบสภาอยู่แล้วในปี 2554 หรืออาจใช้ช่วงเวลาก่อนครบวาระ 7 วัน ยุบสภาเพื่อชิงความได้เปรียบทางการเมือง เหมือนสมัยนายชวน หลีกภัย เป็นนายกฯ
พ.ต.ท.สมชาย เพศประเสริฐ รองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า นายกฯประกาศแม้แพ้เลือกตั้งก็ยอมหากบ้านเมืองสงบนั้น ความจริงเดือนธ.ค.2554 จะมีเลือกตั้งใหญ่อยู่แล้ว เพราะรัฐบาลอยู่ครบวาระการทำงาน หากนายกฯจริงใจต้องกำหนดชัดเจนว่าจะเลือกตั้งวันที่เท่าไหร่ เดือนอะไร เวลาที่เหลืออยู่รัฐบาลจะทำอะไรให้มีผลงานปรากฏ สำหรับเพื่อไทยขณะนี้พร้อมเลือกตั้งทุกเวลา ตัวผู้สมัครส.ส.ก็พร้อม ขาดบางเขตเท่านั้น ไม่มีปัญหาอะไร
ศาลไกล่เกลี่ยคดีเขาแพง
นายยุทธพงศ์ จรัสเสถียร เลขานุการคณะทำงานพรรคเพื่อไทย ติดตามตรวจสอบกรณีถือครองที่ดินเขาแพง อ.เกาะสมุย จ.สุราษฎร์ ธานี กล่าวถึงกรณีนายแทน เทือกสุบรรณ บุตรชายนายสุเทพ เทือกสุบรรณ อดีตรองนายกฯ เป็นโจทก์ฟ้องศาลจังหวัดสุราษฎร์ ธานี เรียกค่าเสียหาย 500 ล้านบาท ซึ่งศาลนัดคู่กรณีไกล่เกลี่ยในวันนี้ว่า กรณีเขาแพง ขณะนี้ยังอยู่ในกระบวนการตรวจสอบของคณะกรรมการป.ป.ช. เมื่อผลสอบออกมาจะทราบว่าใครถูกใครผิด มั่นใจมากว่าสิ่งที่ฝ่ายค้านตรวจสอบเป็นเรื่องที่ถูกต้อง โดยเฉพาะความชัดเจนในพยานหลักฐานที่เป็นเอกสารราชการ เชื่อว่าป.ป.ช.จะสรุปผลสอบเร็วๆนี้ ทั้งนี้มอบหมายนายวีรภัทร ศรีไชยา เป็นทนายความไปรับฟังผลไกล่เกลี่ย
ด้านนายวีรภัทรให้สัมภาษณ์ว่า ศาลอยากให้คู่ความเจรจากันเพื่อหาข้อยุติ แต่เนื่อง จากฝ่ายจำเลยมาไม่ครบเลยไม่สามารถหาแนวทางระงับข้อพิพาทได้ ศาลจึงนัดไกล่เกลี่ยพร้อมสืบพยานอีกครั้งวันที่ 29 พ.ย. เพื่อให้ทั้ง 2 ฝ่ายหา แนวทางไกล่เกลี่ย ทั้งนี้ตามขั้นตอนหากนัดไกล่เกลี่ยครั้งต่อไป ถ้าต่างฝ่ายต่างยืนยันเข้าสู่กระบวนการพิจารณาของศาลโดยสืบพยานโจทก์ และพยานจำเลย คาดว่าจะใช้เวลานานพอสมควร ส่วนจำเลยยืนยันว่ามีความพร้อมต่อสู้คดีเต็มที่
ยกฟ้อง'อจ.ไชยันต์'ฉีกบัตรเลือกตั้ง
เมื่อวันที่ 29 ต.ค.ที่ศาลจังหวัดพระโขนง ศาลพิพากษายกฟ้องคดีที่อัยการเป็นโจทก์ฟ้องนายไชยันต์ ไชยพร อาจารย์คณะรัฐ ศาสตร์ จุฬาฯ เป็นจำเลยฐานกระทำผิด พ.ร.บ.ว่าด้วยการเลือกตั้งส.ส.และส.ว. พ.ศ. 2541 มาตรา 108 ที่ห้ามมิให้ทำบัตรเลือกตั้งดีเป็นบัตรเสีย และป.อาญา มาตรา 358 ฐานทำให้เสียทรัพย์ คดีนี้สรุปฟ้องว่าเมื่อวันที่ 2 เม.ย.2549 เวลากลางวัน จำเลยฉีกบัตรเลือกตั้งส.ส.แบบแบ่งเขตเลือกตั้ง 1 ใบ และแบบบัญชีรายชื่อ 1 ใบ ของสำนักงานกกต.ขาดออกเป็นหลายชิ้นจนเสียหายใช้ลงคะแนนไม่ได้ อันเป็นการจงใจกระทำด้วยประการใดๆ ให้บัตรเลือกตั้งชำรุดเสียหาย เหตุเกิดที่หน่วยเลือกตั้ง โรงเรียนเตรียมอุดมพัฒนาการ แขวงและเขตสวนหลวง กทม.
จำเลยให้การปฏิเสธและนำสืบว่าการยุบสภาผู้แทนฯของพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร นายกฯขณะนั้นไม่ได้มีสาเหตุมาจากปัญหาความขัดแย้งระหว่างฝ่ายบริหารกับนิติบัญญัติ แต่เพื่อหลีกเลี่ยงการตรวจสอบในสภาเรื่องถือครองหุ้นชินคอร์ปฯของครอบครัวชินวัตร การยุบสภาจึงมิได้เป็นไปตามระบอบประชาธิปไตย และจะใช้ผลเลือกตั้งซักฟอกความผิดของตน และกำหนดวันเลือกตั้งโดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย จำเลยฉีกบัตรเลือกตั้งโดยเจตนาที่จะต่อต้านการเลือกตั้งที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย มิได้มีเจตนาทำลายบัตรเลือกตั้ง
ศาลพิเคราะห์แล้วเห็นว่า การเลือกตั้งเมื่อวันที่ 2 เม.ย. 2549 ศาลรัฐธรรมนูญมีคำวินิจฉัยที่ 9/2549 ว่า เป็นการเลือกตั้งที่ไม่เที่ยงธรรม ไม่เป็นการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอย่างแท้จริง ไม่ชอบตามรัฐธรรมนูญ พ.ศ.2540 บัตรเลือกตั้งที่มอบให้แก่ผู้มีสิทธิเลือกตั้งจึงไม่ใช่บัตรเลือกตั้งเป็นเพียงแบบพิมพ์บัตรเลือกตั้ง การกระทำของจำเลยจึงไม่อาจเป็นความผิดตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส.และสว. มาตรา 108 และการที่จำเลยมาใช้สิทธิเลือกตั้งแล้วฉีกบัตรเฉพาะในส่วนที่ได้รับมาทั้งสองใบอย่างเปิดเผยเพื่อสื่อให้ประชาชนตระหนักถึงการเลือกตั้งที่ไม่ชอบธรรม โดยไม่ได้ก่อให้เกิดความวุ่นวายหรือความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด จึงเป็นการใช้สิทธิต่อต้านการเลือกตั้งที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย โดยสันติวิธี ทั้งบัตรเลือกตั้งดังกล่าวก็เป็นทรัพย์ที่กกต.ใช้ในการทำความผิดในการเลือกตั้ง และมีราคาเพียงเล็กน้อยเมื่อเทียบกับความเสียหายที่อาจเกิดขึ้นจากการได้มาซึ่งอำนาจในการปกครองของประเทศโดยวิธีการซึ่งมิได้บัญญัติไว้ในรัฐธรรมนูญ การกระทำของจำเลยจึงไม่เป็นความผิดฐานทำให้เสียทรัพย์ตามที่โจทก์ฟ้อง พิพากษายกฟ้อง
อธิบดีศาลเห็นแย้ง
วันเดียวกันมติชนออนไลน์รายงานว่า นายฉัตรไชย จันทร์พรายศรี อธิบดีผู้พิพากษา ภาค 3 ทำความเห็นแย้งระบุว่า สำหรับปัญหาว่าจำเลยกระทำความผิดฐานทำให้เสียหายทรัพย์หรือไม่นั้น เห็นว่าความผิดฐานทำให้เสียทรัพย์นั้น ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 358 บัญญัติว่า "ผู้ใดทำให้เสียหาย ทำลาย ทำให้เสื่อมค่า หรือทำให้ไร้ประโยชน์ ซึ่งทรัพย์ของผู้อื่นหรือผู้อื่นเป็นเจ้าของรวมอยู่ด้วย ผู้นั้นกระทำความผิดฐานทำให้เสียทรัพย์..." เห็นได้ว่าองค์ประกอบภายนอกของความผิดฐานนี้ คือการทำให้ทรัพย์เสียหาย ถูกทำลาย เสื่อมค่า หรือไร้ประโยชน์ และทรัพย์นั้นเป็นของผู้อื่นหรือผู้อื่นเป็นเจ้าของรวมอยู่ด้วย ส่วนองค์ประกอบภายในคือเจตนากระทำเพื่อให้ทรัพย์นั้นเสียหาย ถูกทำ ลาย เสื่อมค่าหรือไร้ประโยชน์ ซึ่งเป็นเจตนาธรรมดา
จำเลยเบิกความว่าจำเลยฉีกบัตรเลือกตั้งเพื่อสื่อแก่ประชาชนให้ตระหนักถึงการเลือกตั้งที่ไม่ชอบและไม่เป็นธรรม เพื่อสื่อให้เห็นว่าจำเลยรักษาสิทธิของตนเองมิให้เป็นส่วนหนึ่งของการเลือกตั้งที่ไม่ชอบธรรมและไม่เป็นธรรม เพื่อสื่อให้เห็นว่าจำเลยรักษาสิทธิของตนเองมิให้เป็นส่วนหนึ่งของการเลือกตั้งที่ไม่เป็นธรรม แสดงว่าจำเลยเจตนาทำลายหรือทำให้บัตรเลือกตั้งนั้นไร้ประโยชน์แล้ว จำเลยจะอ้างว่าเป็นการกระทำเพื่อรักษาสิทธิของตนเองมิให้เป็นส่วนหนึ่งของการเลือกตั้งที่จำเลยเห็นว่าเป็นการเลือกตั้งที่ไม่เป็นธรรมหาได้ไม่ เมื่อบัตรเลือกตั้งที่จำเลยฉีกเป็นเอกสารหรือกระดาษอันเป็นทรัพย์สินของผู้เสียหาย การกระทำของจำเลยย่อมเป็นความผิดฐานทำให้เสียทรัพย์ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 358 แล้ว จึงขอถือเป็นความเห็นแย้งของนายฉัตรไชย พร้อมกับลงความเห็นว่ามีความผิดตาม ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 358
'ไชยันต์'เชื่อในสิ่งที่ทำ
ทางด้านนายไชยันต์ ไชยพร ให้สัมภาษณ์มติชนออนไลน์ ว่า คดีเกิดขึ้นในการเลือกตั้งวันที่ 2 เม.ย. 2549 ซึ่งศาลจังหวัดตรังยกฟ้องไปแล้วเช่นกัน เพราะเหตุมาจากการเลือกตั้งครั้งนั้นไม่ถูกต้อง ส่วนตัวคิดว่าหากวิจารณ์ว่าเป็นคำตัดสิน 2 มาตรฐานก็ไม่น่าจะถูกต้อง เราต้องพิจารณาว่าสิ่งที่เกิดขึ้นเพราะอะไร ทั้งการยุบสภาและเลือกตั้งครั้งนั้นชอบธรรมหรือไม่ ขอให้พิจารณาตรงนี้ด้วย
"อย่างไรก็ตาม ผมเห็นว่าใครจะทำอะไรที่คิดว่าเป็นการต่อต้าน อย่างที่เขาชอบพูดๆกันว่าอารยะขัดขืน ที่ชอบเรียก ชอบใช้กันนั้น ผมเห็นว่าจะทำอะไร หากสิ่งที่คุณทำมันต่อต้านหรือละเมิดกฎหมาย แต่หากมีเหตุผลและคิดว่าถูกต้องชอบธรรมก็ทำไป แต่ต้องพร้อมยอมรับในการเข้าสู่กระบวน การยุติธรรมด้วย พร้อมต่อสู้ในกระบวนการยุติธรรม อันนี้ผมขอยืนยันว่าทุกสี ไม่ว่าสีอะไร แต่ขอว่าอย่ามาอ้างอารยะขัดขืน แล้วคุณหมายถึงการหลบหนีไม่ยอมเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม อย่างนี้ไม่ถูกต้อง" อาจารย์คณะรัฐศาสตร์ จุฬาฯ กล่าว
เมื่อถามว่าอาจเรียกได้ว่าเป็นนักวิชาการคนแรกที่ใช้วิธีฉีกบัตรเพื่อแสดงการต่อต้าน นายไชยันต์ กล่าวว่า ตนเชื่อในสิ่งที่ทำ และเชื่อในกระบวนการยุติธรรมด้วย อย่างไรก็ตามในทางตรงข้ามถ้าศาลตัดสินว่าผิดก็พร้อมน้อมรับคำตัดสินเช่นกัน
ใช้เป็นบรรทัดฐานคดีอื่นไม่ได้
"ถ้าศาลตัดสินว่าผิด ผมก็ยอมรับ ไม่เช่นนั้นก็ไปอยู่ในป่าดีกว่า ไปอยู่ตามตะเข็บชายแดนดีกว่า" อาจารย์คณะรัฐศาสตร์ จุฬาฯ กล่าว
ต่อข้อถามว่าจะใช้เป็นบรรทัดฐานในคดีอื่นๆ ต่อไปได้หรือไม่ นายไชยันต์ กล่าวว่า คิดว่าน่าจะเป็นกรณีๆ ไปมากกว่า คงไม่ใช่ในทุกครั้งที่มีการกระทำฉีกบัตรเลือกตั้งแบบอารยะขัดขืน คงต้องพิจารณาที่เหตุและผลด้วย เพราะความที่เราเป็นนักรัฐ ศาสตร์ ได้ศึกษาและเรียนรู้มา เห็นว่าทั้งการยุบสภาและการเลือกตั้งไม่ถูกต้อง ไม่ชอบธรรม จึงต้องแสดงออกด้วยการต่อต้านมีเหตุและผลในตัวมันเอง
'แก้วสรร'ชี้ช่องต่อสู้คดี
ก่อนหน้านี้ นายแก้วสรร อติโพธิ อดีต อาจารย์คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรม ศาสตร์ และอดีตส.ว. เปิดเผยว่า "ผมไม่ได้เป็นพยานในคดีดังกล่าว แต่ได้ให้คำปรึกษานายไชยันต์ต่อสู้คดี สำหรับแนวทางการต่อสู้คดีมี 2 ประเด็น ประกอบด้วย 1.สู้ตามกฎหมายเลือกตั้งว่าไม่มีความผิด เพราะมีแนวฎีกาว่า บัตรเลือกตั้งที่ห้ามทำให้เสียหาย หมายถึงบัตรที่กาลงคะแนนและอยู่ในหีบบัตรเลือกตั้งแล้ว แต่หากยังไม่ลงคะแนน ก็เป็นบัตรของเรา ซึ่งในประเด็นเกี่ยวกับเรื่องนี้ มีแนวฎีกาเคยมีคำวินิจฉัยเอาไว้ 2.สู้ว่าเป็นสิทธิที่ทำได้ ตามรัฐธรรมนูญ เพราะการยุบสภาไม่ถูกต้อง การเลือกตั้งครั้งนั้นไม่ถูกต้อง จึงอยู่ในการต่อสู้แบบอารยธขัดขืน ไม่ได้ทำให้ใครเสียหาย" |
|
|
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น